แบกหน้าวิ่งของานทำเลี้ยงลูก 4 !
ชีวิตใหม่ ‘เดย์ เอก โอรี’ ไม่เห็นบนจอ 10 ปี แทบลืมภาพพระเอกแห่งยุค
หากย้อนกลับไปในช่วงยุค 90 เชื่อว่าหลายยคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีสำหรับ ‘เอก โอรี’ หรือ ‘เดย์’ นักแสดงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน
ที่มีผลงานการแสดงภาพยนตร์อย่างเช่นเรื่อง ‘ยิ่งรักเธอ’ , ‘กขค โรงเรียนนอก’ (2539), ‘แดดร้อน ลมแรง ความรักกำลังจะมา’ (2536) ‘หล่อ ซ่า เซอร์กับเธอผู้หวานใจ’ (2536)
หลังจากที่โด่งดังก็หายจากวงการไปนานกว่า 4 ปี ไปเปิดร้านอาหาร แต่ไม่สำเร็จ และในปี 2551 กลับมาแสดงภาพยนตร์ใหม่อีกครั้ง ของ ‘สหมงคลฟิล์ม’
ของผู้กำกับ ‘อุ๋ย นนทรีย์ นิมิตรบุตร’ ก่อนที่จะห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานหลายปี “ที่ห่างไปเพราะไปเปิดเป็นร้านอาหาร แต่ไปไม่รอด ก็ปิดไปหลายปีแล้ว
สาเหตุก็เพราะว่าทำไม่ตรงจุดกับตลาด และเราเปิดกระจายมากเกินไป ไม่เปิดที่เดียวทำที่เดียว ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ตอนนี้ก็ยังเป็นหนี้เพื่อน ๆ พี่ในวงการอยู่เลย
ซึ่งสำหรับผมก็ถือว่าเยอะมากๆ ถ้าเราไม่มีเงินมาใช้คืนเขา ยอมรับช่วงเวลาที่ว่าเป็นช่วงเวลาที่ตนเองมีคิดมาก
ไปของานแสดงก็ไม่มีใครสนใจ แต่มาถึงตอนนี้รู้สึกปลงแล้ว ช่วงนั้นเครียดมากแต่ตอนนี้ผมปลงแล้ว เพราะคิดว่าเครียดไปเราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ปล่อยวางบ้างแล้ว
จะใช้วิธีบอกพี่ๆ เพื่อนๆ ว่าตอนนี้ยังไม่มีงานนะ ยังไม่มีเงินคืนนะขอเลื่อนไปก่อน ช่วงนั้นที่ไหนที่เราเคยร่วมงานผมก็เข้าไปของานทำทุกที่เลย แต่ก็โดนปฏิเสธ
อาจจะเป็นเพราะไม่ตรงกับงานด้วย และส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะเขามีคนที่วางตัวไว้อยู่แล้ว ถามว่าเป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดของชีวิตหรือเปล่า
ก็ไม่ถึงขนาดนั้นเพราะเรายังมีที่อยู่เรายังมีที่กิน ยังมีคนคบ คิดว่าตัวเองยังโชคดีกว่าหลาย ๆ คนที่เขาไม่เหลืออะไรเลย อาศัยมองดูผู้คนข้าง ๆ หรือบางทีขับรถผ่านไปเจอคนเก็บของเก่าขาย
คนที่หมดเนื้อหมดตัวมากว่าเรา ก็บอกตัวเองว่าไม่ถอยต้องอดทนๆ ช่วงนั้นเคยไม่มีเงินในกระเป๋าสักบาทเลยก็มี หยิบยืมจากเพื่อนตลอดก็มีที่เพื่อนไม่ให้ ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจ
เมื่อก่อนเป็นคนไม่ยอมใคร ไม่คิดจะยืมเงินใครเลย แต่ตอนนี้ต้องยอมเพื่อลูก มีทั้งหมด 3 คน คนโต มีกับแฟนเก่าแต่แฟนเขาดูแลเองก็เลยไม่มีปัญหาอะไร
กับคนใหม่มี 2 คน คนโตผู้หญิง คนเล็กผู้ชาย ภาระก็หนักเอาการ เพียงแต่เราพยายามเก็บความรู้สึกของเราไว้เพราะถึงป่าวประกาศออกไป
เดี๋ยวคนก็พูดไปอย่างนั้นอย่างนี้อีก คนที่ไม่หวังดีเขาก็จะคิดในอีกแง่นึง ยอมรับว่าท้อมากแต่ไม่ถอย พยายามหาทางอื่น ทางนี้ไม่ได้ก็วิ่งหาเพื่อน ๆ
ขอยืมตังค์หน่อยนะ เพื่อนๆ เห็นเบอร์โทร เข้ารู้เลยว่าจะมายืมตังค์” ซึ่งเมื่อถามว่าในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นการนับหนึ่งใหม่อีกครั้งได้หรือยัง เจ้าตัวบอกอย่างน่าคิดยอมรับว่าคงจะยัง เพราะชีวิตของตนยังติดลบอยู่